ชี้ทางรวยตั้งแต่ต้นจนจบ ‘ออกแบบเสื้อขาย’ ยังไงให้ปัง คนติดใจ จำแบรนด์ได้ กลับมาใช้บริการบ่อย!!!
ออกแบบเสื้อขายนี่เรียกว่าเป็นความต้องการของคนยุคใหม่เลยก็ได้นะครับ ซึ่งแน่นอนว่าเดี๋ยวนี้การจะทำอะไรมันก็ง่ายดายไปหมด เพราะการติดต่อสื่อสาร รวมถึงช่องทางการขายมันก็เปิดกว้าง และหนึ่งในธุรกิจที่ทุกคนให้ความสนใจก็คือ สกรีนเสื้อขาย หรือทำเสื้อแบรนด์ของตัวเองขายนี่แหละ ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำกันตั้งแต่ต้นจนจบแบบครบทุกอย่างในบทความเดียวเลยว่า ถ้าอยากจะออกแบบเสื้อขาย ต้องทำยังไง เริ่มต้นแบบไหน มีช่องทางยังไงบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปชมกันเลย
อันดับแรกที่เป็นโจทย์ปัญหาของธุรกิจสกรีนเสื้อเลยก็คือ เรื่องของแบรนด์ครับ การทำธุรกิจอะไรสักอย่างเนี่ย มันจะประสบความสำเร็จ มีตัวตน คนจดจำ และกลับมาใช้ซ้ำได้ มันต้องมีแบรนด์ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รวมถึงต้องตอบโจทย์ใน 3 ปัจจัยเหล่านี้ให้ได้เสียก่อน
1. เลือกกลุ่มเป้าหมายไว้ก่อนเป็นอันดับแรก
เริ่มต้นอย่างแรก ถามตัวเองก่อนว่า กลุ่มเป้าหมายของเราเป็นใคร เพราะอย่าลืมว่าตลาดสกรีนเสื้อ หรือออกแบบเสื้อขายมันมีคู่แข่งเยอะมากนะในทุกวันนี้ ถ้าเรามาถึงลงขายมั่วๆ ไม่มีทางเกิดแน่นอนครับ ปังยากมาก ดังนั้นการจะเจาะตลาดได้ก็ต้องเริ่มจากถามตัวเองว่า กลุ่มเป้าหมายเราเป็นใคร
หลายคนเริ่มจากการหาสินค้ามาก่อน แล้วค่อยถามว่าจะขายใคร ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ผิดมาก การจะประสบความสำเร็จได้ต้องเริ่มจากเลือกกลุ่มลูกค้าก่อนเลยว่า เราจะขายใคร แล้วค่อยไปหาของที่เหมากับเค้ามาขาย ยิ่งเป็นกลุ่มที่เจาะจง กลุ่มเล็กเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะยิ่งปิดการขายได้ง่ายมาก
เช่น จากที่ปกติเราจะขายเสื้อผ้าผู้ชายเฉยๆ ก็เปลี่ยนมาเป็น ‘ขายเสื้อผ้าให้ผู้ชายที่ชอบเพลงร็อค’ เจาะจงกลุ่มเล็กๆ นี่แหละครับ แล้วในอนาคตเราจะขยายไปขายอะไรต่อ พอลูกค้าจำได้เค้าก็จะตามไปใช้บริการเราอยู่ดี
2. ดีไซน์สกรีนเสื้อให้ตรงกับความต้องการ
จะออกแบบเสื้อขาย หรือทำเสื้อแบรนด์ขายทั้งที ดีไซน์สำคัญมากที่สุดเลยแหละ เพราะอย่าลืมว่า เสื้อยืดเนี่ยที่ไหนๆ ก็มีขายนะครับ แถมแทบทุกร้านก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย แค่เปลี่ยนลาย เปลี่ยนสี ก็กลายเป็นเสื้อตัวใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าทำแบบทั่วๆ ไปเหมือนคนอื่นเนี่ย ขายยากแน่
ดังนั้นดีไซน์ต้องโดดเด่นสะดุดตามาแต่ไกลเลย เพราะคนเรามักจะซื้อเสื้อผ้าที่บ่งบอกถึงรสนิยมและนิสัยของเค้า เช่น บางคนชอบเสื้อแบบมินิมอล บางคนชอบเสื้อที่สกรีนคำเฟี้ยวๆ คูลๆ ลงไป หรือบางคนชอบเสื้อสกรีนลายสตรีท
ตรงนี้แหละที่มันจะไปโยงกับกลุ่มเป้าหมายข้างต้น (เห็นมั้ยล่ะว่าหากลุ่มเป้าหมายไว้ก่อนมันดีแบบนี้นี่แหละ) ถ้าคนที่เราจะขายยังเป็นผู้ชายชอบเพลงร็อคอยู่เหมือนเดิม ออกแบบเสื้อขายของเรา หรือสกรีนเสื้อของเราก็อาจจะแค่เป็นเสื้อวง มีรูปศิลปินเฟี้ยวๆ เน้นโทนมืดๆ ดำๆ เท่านั้นก็พอ
3. คุณภาพเนื้อผ้าต้องตอบโจทย์
สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้คนตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นก็คือ เนื้อผ้านี่แหละครับ ตรงนี้หลายคนเข้าใจผิดว่าผ้าต้องดีมากๆ มีฟังก์ชั่นระบายความร้อนอย่างงู้นอย่างงี้ ขอบอกเลยว่าไม่จริง เพราะเสื้อผ้าเป็นสิ่งที่คนซื้อมาใส่กันส่วนใหญ่เพื่อเสริมความโดดเด่นเท่านั้น มันจะร้อนไปบ้างอะไรไปบ้าง เค้าไม่ซีเรียสหรอกครับ มีแต่จะทำให้ต้นทุนแพงและขายยากขึ้นซะอีก
ขอแค่เนื้อผ้าเกรดธรรมดาที่ใส่แล้วสบาย ไม่เหมือนเสื้อยืดตัวละ 100-200 ตามตลาดนัด ซักแล้วไม่หด สีไม่ตก แค่นั้นก็พอแล้ว นี่แหละที่ลูกค้าต้องการจริงๆ เพราะอย่าลืมว่าต้นทุนแพง สุดท้ายก็ต้องอัปราคา แล้วก็จะขายยากตามมา
โดยเนื้อผ้านั้นจะแบ่งได้ดังนี้เลยครับ
Polyester 35%/ Cotton 65% : .ใส่ได้ทั้งฤดูร้อน ฤดูหนาว ใช้ได้นาน ไม่หดตัว เอาไปสกรีนก็สวย
Cotton 100% : ระบายอากาศได้ดี แต่อาจหดเล็กน้อย
Polyester 100% : ทนทาน เหมาะกับฤดูหนาว ไม่เหมาะจะเอามาขายในบ้านเรา เพราะร้อน
ก่อนเริ่มสกรีนเสื้อขาย ต้องเรียนรู้ขั้นตอนอะไรบ้าง
1. เริ่มจากการสเก็ตภาพ
ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถ และมีภาพอยู่ในหัวอยู่แล้วว่าอยากจะได้แบบไหน ก็ลงมือวาดไปได้เลยครับ เพื่อพอถึงคราวต้องจ้างออกแบบจริงๆ ก็จะได้เข้าใจตรงกันได้ง่ายขึ้น จะได้มองเห็นด้วยว่าเอกลักษณ์ของเราคืออะไร เพื่อนๆ สามารถหาแรงบันดาลใจสวยๆ ได้จาก Pinterest เลย
2. หาวัตถุดิบที่เหมาะสม
อย่าเพิ่งลงทุนเยอะครับ ให้ซื้อเพื่อเย็บตัวอย่างขึ้นมาตัวเดียวก่อน จะได้ไม่ผิดพลาด ถ้าพลาดก็ไม่เสียเงินเยอะ เผื่อแก้ เผื่ออะไรอีก ซึ่งใช้ผ้าประมาณ 2-3 หลา ต่อ 1 ตัวอย่าง พวกผ้าซับใน ผ้าถุงกระเป๋าพวกนี้อาจซื้อแค่ 1 หลาก็พอ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็หาซื้อได้ชิลๆ ซิป กระดุม ยางยืดต่างๆ เหล่านี้อยู่ที่เราว่าจะดีไซน์เป็นแบบไหน
3. สร้างแพทเทิร์นและเย็บตัวอย่าง
งานเราจะออกมาดีมั้ยก็อยู่ที่ฝีมือร้านที่สั่งตัดนั่นแหละครับ โดยหลังจากได้แบบมาแล้วก็ต้องลองสวม ลองลุ้น ถ้าตรงไหนไม่ได้ดั่งใจก็ปรับแก้กันไป ส่วนใหญ่ก็จะมีบริการแก้ไขฟรี 1 ครั้งด้วย
4. มองหาวัตถุดิบในการผลิต
5. เย็บ และผลิต
สุดท้ายแล้วก็มาถึงการตัดเย็บผลิตของจริงซึ่งร้านที่เราเอาไปทดลองกับตัวแรกนั้นจริงๆ จะจ้างเค้าก็ได้ครับ เพราะสมัยนี้ส่วนใหญ่จะรับทำกันหมดแล้ว ยิ่งเคยทำให้เรามาดีในตัวแรกเราก็คงไม่อยากเสี่ยงกับร้านอื่นแล้วแหละ ตรงนี้อาจจะต้องจ่ายค่ามัดจำ 50% ของค่าแรงทั้งหมดก่อนด้วย ตามแต่ตกลงกัน
ได้สินค้าแล้วเอาไปขายที่ไหนดี ตัดสินใจให้เหมาะ เพราะมันเป็นตัวกำหนดชะตากรรม
เดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครก็มักจะเลือกขายผ่านทางออนไลน์ เพราะคิดว่ามันง่ายกว่า สบายกว่า แต่จะขายได้ดีกว่ามั้ยอันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ โดยการขายทั้ง 2 แบบก็จะแตกต่างกันออกไป โดยกลยุทธ์ของแต่ละที่ก็จะมีดังนี้
ขายบนโลกออนไลน์
เรื่องสินค้าเรามีเรียบร้อยตามตัวเลือกด้านบน ทีนี้ก็ขอแค่เราสร้างเพจ สร้างเว็บไซต์ ตกแต่งให้น่าเชื่อถือ ดูเข้าธีม แล้วเอาไปแชร์ลงกลุ่มที่คาดว่ากลุ่มเป้าหมายเราจะอยู่ ดูได้จากกลุ่มเป้าหมายในข้อแรกอีกแล้วครับ เป็นใคร มีรสนิยมยังไง ชอบใช้ชีวิตแบบไหน ชื่นชอบอะไรบ้าง ก็หากลุ่มเฟซบุ๊กที่คาดว่าเค้าเหล่านั้นจะอยู่ และโปรโมทโพสต์ต่างๆ ผ่านตัวกรองเหล่านี้
รวมถึงหมั่นอัปเดตข้อมูลต่างๆ ตลอดเวลา หาข่าวสารที่ลูกค้าน่าจะสนใจมาแชร์บ่อยๆ ทุกวัน เท่านี้ก็มียอดขายปังแล้ว
แต่ต้องไม่ลืมนะว่าช่วงแรกของการทำเสื้อแบรนด์ขายออนไลน์ก็ต้องคอยโปรโมตโพสต์ โปรโมตเพจสักหน่อย มันถึงจะมีคนติดตามเรามากขึ้น
สกรีนเสื้อขายออฟไลน์
สำหรับใครที่ไปขายตามตลาดนัด หรือมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ตรงนี้ต้องอย่าลืมสำรวจตลาดก่อนด้วยนะครับ พยายามอย่าให้เสื้อของเราเหมือนใคร เอาแบบที่ร้านอื่นๆ เค้าไม่ทำ คนแถวนั้นเค้าไม่มี
รวมถึงมีรูปตัวอย่างการใส่สินค้าให้เค้าดูด้วยจะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น หรือถ้าจะให้ดีก็ใช้ตัวเองเนี่ยแหละเป็นพรีเซนเตอร์ไปเลย ทำเสื้อแบรนด์ขาย ก็ใส่เสื้อแบรนด์ตัวเองไปด้วยขายไปด้วย ให้ลูกค้าเห็นเลยว่ามันสวยยังไง
แล้วอย่าลืมตกแต่งร้านให้ดี ให้สว่างสดใส มีไอเท็มต่างๆ คอยประดับประดาเพิ่มอารมณ์และบรรยากาศให้ร้านด้วยนะครับ จะได้น่าสนใจและโดดเด่นเป็นธีมเดียวกัน และที่สำคัญต้องแนะนำลูกค้าให้เป็นว่าเค้าเหมาะกับการแต่งแบบไหน สังเกตดูว่าเค้าต้องการความคิดเห็นจากเรามั้ย เพราะบางคนอยากเดินเลือกดูด้วยตัวเอง การมายืนมองจะเป็นการกดดันที่ทำให้เค้าอึดอัดได้